สำหรับเจ้าของร้านกาแฟ คาเฟ่ หรือธุรกิจเครื่องดื่มต่างๆ การเข้าใจในเรื่องของเมนูต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องกาแฟแต่ละชนิดถือเป็นความรู้พื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณสร้างเมนูที่หลากหลายและน่าสนใจเท่านั้น แต่การทำความเข้าใจเมนูกาแฟเหล่านี้ จะทำให้คุณสามารถรังสรรค์และดึงจุดเด่นและรสชาติของกาแฟนั้นๆ ออกมาได้ดีอีกด้วย
ในปัจจุบัน หากถามว่ากาแฟมีกี่ชนิด หรือ Coffee มีกี่ประเภทบ้าง ก็อาจจะตอบได้ยาก เพราะในแต่ละวันก็มีเมนูกาแฟใหม่ๆ เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ในบทความนี้ Oceantableware จะพาเจ้าของร้านกาแฟทุกท่าน มาทำความรู้จักกับ 10 เมนูยอดนิยมของกาแฟแต่ละชนิด ที่ต้องมีติดร้านกาแฟ แต่ละเมนูมีส่วนผสมและเทคนิคอะไรในการทำบ้าง พร้อมทั้งเทคนิคเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม สำหรับการชงกาแฟระดับมืออาชีพ
1. เอสเพสโซ่ (Espresso)
เอสเพสโซ่เป็นพื้นฐานสำคัญของการชงกาแฟแต่ละชนิดในยุคปัจจุบัน โดยเมนูนี้ เกิดจากการบีบอัดผงกาแฟแล้วใช้เครื่องเอสเพสโซ่สกัดด้วยน้ำร้อนความดันสูง จนทำให้ได้น้ำกาแฟที่มีรสเข้มข้น หนักแน่น โดยมักนิยมเสิร์ฟเป็นแก้วช็อตเล็กๆ ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือต่อยอดใช้เป็นเบสในการชงกาแฟแบบอื่นๆ เช่น คาปูชิโน่ และลาเต้ เหมาะสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ได้รสกาแฟแท้ๆ แบบดั้งเดิม
โดยทั่วไปแล้ว เอสเพสโซ่มักถูกเสิร์ฟเป็นกาแฟร้อนที่ไม่มีการผสมอะไรเพิ่มเติม แต่ในประเทศไทยนั้น ได้มีกาแฟอีกชนิดที่ต่อยอดมา นั่นคือ เอสเพสโซ่เย็น (Iced Espresso) ที่เป็นการนำกาแฟเอสเพสโซ่มาผสมกับนมสด นมข้นหวาน นมข้นจืด และเสิร์ฟในแก้วกาแฟที่ใส่น้ำแข็งเอาไว้ เป็นอีกหนึ่งเมนูกาแฟเย็นที่หาทานได้เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น
2. คาปูชิโน่ (Cappuccino)
คาปูชิโน่เป็นหนึ่งในกาแฟแต่ละชนิดที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในร้านคาเฟ่ โดยมีส่วนผสมหลัก ได้แก่ กาแฟเอสเพสโซ่ นมร้อน และฟองนมหนาๆ ด้านบนสุด ในอัตราส่วนประมาณ 1:1:1 คาปูชิโน่เป็นกาแฟที่มีรสหวานมัน กลมกล่อม ผสมผสานระหว่างความเข้มของกาแฟและความเนียนนุ่มของนม เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการกาแฟที่ไม่เข้มจัดเกินไป หรือชื่นชอบในการทานกาแฟนม เมนูนี้สามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและเย็น
โดยหนึ่งคำถามที่พบบ่อยของนักชิมกาแฟหน้าใหม่ คือ เอสเพสโซ่กับคาปูชิโน่ ต่างกันยังไง โดยเฉพาะในส่วนของเอสเพสโซ่เย็นที่ดูคล้ายกัน ซึ่งคำตอบนั้นง่ายมาก เพียงสังเกตที่ฟองนมด้านบน เพราะเอสเพสโซ่เย็นจะไม่เสิร์ฟมาพร้อมกับฟองนม แต่คาปูชิโน่จะมีฟองนมด้านบนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแบบร้อนหรือเย็น ทำให้รสชาตินุ่มนวลกว่า
3. ลาเต้ (Latte)
ในบรรดากาแฟแต่ละชนิด ลาเต้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมสูงไม่แพ้คาปูชิโน่ มีส่วนผสมหลักได้แก่ กาแฟเอสเพสโซ่ นมร้อน และฟองนม นิยมเสิร์ฟทั้งแบบร้อนและเย็น ด้วยส่วนผสมของกาแฟแต่ละชนิด ทำให้ลาเต้ดูมีความใกล้เคียงกับคาปูชิโน่ไม่น้อย แต่จุดที่แตกต่างกัน คือ ลาเต้จะมีสัดส่วนนมที่มากกว่า 1-2 เท่าเมื่อเทียบกับคาปูชิโน่ และสำหรับเมนูลาเต้เย็น มักจะไม่มีฟองนมเหมือนกับคาปูชิโน่
ลาเต้ร้อนมักมาพร้อมกับการทำลาเต้อาร์ท (Latte art) ซึ่งเป็นเทคนิคการใช้นมวาดลวดลายต่างๆ ลงไปที่ด้านบนของกาแฟเพื่อเพิ่มความสวยงาม เช่น ลายดอกไม้ ใบไม้รูปสัตว์ต่างๆ ทำให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก หรือชื่นชมในฝีมือของบาริสต้า ส่วนทางด้านรสชาติ ลาเต้จะมีความหวานมัน นุ่มนวล มีรสกาแฟอ่อนกว่าคาปูชิโน่ ทำให้เหมาะกับลูกค้าที่ชอบความครีมของนมมากกว่ารสเข้มของกาแฟเป็นหลัก
4. อเมริกาโน่ (Americano)
อเมริกาโน่เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหากาแฟแต่ละชนิดรสชาติไม่เข้มข้นเท่ากับเอสเพสโซ่ และก็ไม่ใช่กาแฟใส่นมแบบลาเต้และคาปูชิโน่ โดยส่วนผสมของอเมริกาโน่ จะมีแค่เอสเพสโซ่และน้ำร้อนในอัตราส่วน 1:2 หรือ 1:3 ตามความเข้มที่ต้องการ ทำให้มีความเข้มปานกลาง ไม่หวาน เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการเน้นรสชาติกาแฟ แต่ไม่เข้มเท่าเอสเพสโซ่ ไม่ต้องการทานนม และสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและเย็น
5. มอคค่า (Mocha)
มอคค่าเป็นการผสมผสานระหว่างกาแฟกับช็อกโกแลต ทำให้รสชาติที่แตกต่างจากกาแฟแต่ละชนิด โดยส่วนผสมหลัก ได้แก่ กาแฟเอสเพสโซ่ ผงโกโก้หรือช็อกโกแลต และนมร้อน และตกแต่งด้วยวิปครีมปิดหน้า มอคค่ามีรสหวาน มีกลิ่นช็อกโกแลต รสชาติกลมกล่อม เหมาะกับลูกค้าที่ชื่นชอบของหวานและต้องการกาแฟที่ไม่ขมเกินไป สามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและเย็น
6. มัคคิอาโต้ (Macchiato)
มัคคิอาโต้ในภาษาอิตาเลียน แปลว่า “การทำเครื่องหมาย” หากเทียบกับกาแฟแต่ละชนิด มัคคิอาโต้จะมีความเป็นกึ่งกลางระหว่างคาปูชิโน่และเอสเพสโซ่ โดยกาแฟมัคคิอาโต้ คือ การนำกาแฟเอสเพสโซ่มาผสมกันนมเล็กน้อย ท็อปด้านบนกาแฟด้วยฟองนม และในบางครั้งก็จะมีการเพิ่มรสชาติด้วยไซรัปต่างๆ เหมาะกับลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น แต่ยังมีความหวานละมุนอยู่บ้าง สามารถทานได้ทั้งแบบร้อนและเย็น
7. แฟลต ไวท์ (Flat White)
แฟลต ไวท์เป็นกาแฟที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในร้านคาเฟ่ระดับพรีเมียม โดยส่วนผสมหลักของแฟลต ไวท์ มีเพียงกาแฟเอสเพสโซ่ และนมร้อนในอัตราส่วน 1:2 ซึ่งเมื่อเทียบกับกาแฟแต่ละชนิดแล้ว แฟลต ไวท์จะดูมีความคล้ายคลึงกับลาเต้ แต่แฟลตไวท์มีรสกาแฟเข้มข้นกว่า มีความครีมมี ละมุน เนียนนุ่ม เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการความสมดุลระหว่างรสกาแฟและนม และมักนิยมเสิร์ฟแบบร้อนมากกว่าเย็น
8. อัฟโฟกาโต้ (Affogato)
อัฟโฟกาโต้เป็นเมนูของหวานที่ผสมผสานระหว่างกาแฟและไอศกรีม ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากกาแฟแต่ละชนิดอื่นๆ พอสมควร โดยวิธีการทำ จะเริ่มจากการตักไอศกรีมรสวานิลลา 1 ลูกลงในถ้วย แล้วราดเอสเพสโซ่ 1 ช็อตตามลงไป ทำให้ได้รสหวานละมุน ตัดด้วยความเข้มของกาแฟ เหมาะเป็นของหวานหลังอาหารหรือในช่วงบ่าย
9. กาแฟสกัดเย็น (Cold Brew)
กาแฟสกัดเย็นเป็นทางเลือกใหม่ที่แตกต่างจากกาแฟแต่ละชนิดที่ใช้วิธีสกัดผ่านน้ำร้อน โดยเปลี่ยนมาเป็นการผสมผงกาแฟกับน้ำเย็น และแช่เย็นอย่างน้อย 24 ชั่วโมง แล้วจึงกรองเอาเฉพาะน้ำกาแฟ เสิร์ฟเย็นพร้อมน้ำแข็ง กาแฟสกัดเย็นมีรสชาติที่หลากหลายตั้งแต่แบบอ่อนไปจนถึงเข้มข้น ขึ้นอยู่กับประเภทของเมล็ดกาแฟที่เลือกใช้ แต่จะไม่ติดขมเนื่องจากไม่ใช้ความร้อนในการสกัด หากใช้เมล็ดกาแฟการคั่วอ่อนจะได้รสชาติที่สดชื่นและมีความเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนเมล็ดกาแฟการคั่วเข้มจะให้รสที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการกาแฟเย็นที่มีรสชาติแตกต่างจากกาแฟธรรมดาทั่วๆ ไป
10. กาแฟเดอร์ตี้ (Dirty Coffee)
และในบรรดากาแฟแต่ละชนิด กาแฟเดอร์ตี้ก็เป็นเมนูที่กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน โดยส่วนผสมหลักของกาแฟเดอร์ตี้ คือการเทนมเย็นใส่แก้ว จากนั้นเทเอสเพสโซ่ร้อนๆ ลงไปช้าๆ เพื่อให้เกิดเป็นชั้นเลเยอร์ที่สวยงาม และไม่มีการคนให้เข้ากัน กาแฟเดอร์ตี้ให้ทั้งความเย็นของนมและความร้อนเข้มข้นของเอสเพสโซ่ในแก้วเดียว เป็นความละมุนที่แตกต่างแต่ลงตัว เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการลองประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับประทานกาแฟ
การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม
เมื่อเข้าใจว่ากาแฟแต่ละชนิดต่างกันอย่างไรแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในการรังสรรค์และชงแต่ละเมนู โดยเฉพาะการเลือกแก้ว เพราะแก้วกาแฟคุณภาพดีที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การดื่มของลูกค้าได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นชุดแก้วสำหรับเสิร์ฟเมนูร้อนเย็น ชุดเครื่องแก้วที่หลากหลายสำหรับเครื่องดื่มอื่นๆ หรือแม้แต่แก้วไวน์สำหรับร้านกึ่งบาร์ที่มีเมนูลับ นอกจากนี้ อุปกรณ์ถาดสำหรับเสิร์ฟ โหลแก้วสำหรับจัดเก็บเมล็ดกาแฟ และแก้วค็อกเทลสำหรับเมนูกาแฟแบบพิเศษ ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านได้
การเข้าใจว่ากาแฟแต่ละชนิดมีระดับความเข้มอะไรบ้าง และแคลอรี่กาแฟแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร จะช่วยให้เราสามารถแนะนำลูกค้าเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เช่น สำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างการลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร การแนะนำกาแฟเอสเพสโซ่และอเมริกาโน่ ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าเมนูกาแฟแต่ละชนิดที่ใส่นม และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าไม่น้อย
การมีเมนูกาแฟแต่ละชนิดที่ครบครันไม่เพียงแต่จะตอบสนองความต้องการที่หลากหลายเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับธุรกิจร้านกาแฟของเราอีกด้วย การเลือกใช้อุปกรณ์คุณภาพดี รวมถึงการฝึกฝนเทคนิคการทำกาแฟให้ได้มาตรฐาน จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จและเป็นที่ชื่นชอบลูกค้าได้เช่นกัน

สนใจซื้อแก้วกาแฟคุณภาพดีกับ Oceantableware
Oceantableware คือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแก้วกาแฟและชุดเครื่องแก้วคุณภาพดี หลากหลายแบบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน รวมถึงจำหน่ายอุปกรณ์ครัวอื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพระดับเวิลด์คลาส เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และจัดเลี้ยง รวมถึงบริษัทและองค์กรต่าง ๆ จากประสบการณ์กว่า 43 ปี เรามุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารสู่ความทันสมัยอย่างมีสไตล์ ตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาของความสุข ช่วยสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ โอเชียนกลาสจึงเป็นผู้นำการจัดจำหน่ายชุดแก้ว และเครื่องครัวอื่นๆ ของเอเชียและส่งออกไปมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก
สอบถามเกี่ยวกับแก้วกาแฟ ชุดเครื่องแก้วและอุปกรณ์เครื่องครัวทุกรูปแบบได้ที่:
LINE: @oceanonline
โทร.: 062-390-0075
อีเมล: CS@oceanglass.com

