ไอศกรีม VS เจลาโต แตกต่างกันอย่างไร? พร้อมแนะนำถ้วยสวยๆ น่าใช้

เวลาที่เจอสภาพอากาศอันร้อนอบอ้าวในประเทศไทย คงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการได้ลิ้มรสไอศกรีมที่มีรสชาติหวานๆ และมีอุณหภูมิเย็นๆ ที่เป็นตัวช่วยในการดับความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่เชื่อได้เลยว่าหลายคนที่เคยเดินผ่านหน้าร้านไอศกรีมต้องมีคำถามคาใจอยู่บ้าง ว่าทำไมบางร้านถึงเรียกตัวเองว่าเป็นร้านเจลาโต บางร้านเรียกว่าเป็นร้านไอศกรีม ทำให้หลายคนสับสนอย่างมาก

ใครที่กำลังมีคำถามเหล่านี้ในใจเหมือนกัน มารวมตัวกันตรงนี้ เพราะในบทความนี้จะมาเผยประวัติที่มาที่ไปให้ฟังว่าเจลาโตและไอศกรีมแตกต่างกันอย่างไร? ใครที่เป็นไอติมเลิฟเวอร์ต้องห้ามพลาด เผื่อเวลาที่อยากลองทำกินเองที่บ้านหรือไปสั่งร้านไอศกรีมชื่อดังจะได้ไม่ตกเทรนด์ พร้อมแนะนำถ้วยไอศกรีมคุณภาพสูงจาก Oceantableware

 

เจลาโตและไอศกรีมคืออะไร?

สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเจลาโตคืออะไร? เป็นไอศกรีมเหมือนที่เรากินกันตามร้านทั่วไปหรือไม่? เราจะขอพาทุกท่านย้อนไปยังช่วงศตวรรษที่ 13 ที่เป็นจุดกำเนิดของขนมหวานที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ”หวานเย็น” ที่ถูกคิดค้นโดยชาวจีน จนเริ่มแพร่หลายไปทั่วทวีปยุโรป จนมีชาวอิตาลีที่ได้มีการพัฒนาสูตรหวานเย็นนี้ขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยกรรมวิธีที่มีความละเมียดละไม เน้นความโฮมเมดเป็นหลักเรียกว่า “เจลาโต” (Gelato) จากนั้นชาวอิตาลีได้มาเปิดร้านเจลาโตที่ประเทศฝรั่งเศส และทำให้เจลาโตกลายเป็นขนมหวานที่นิยมสำหรับชนชั้นสูง ณ ช่วงเวลานั้น

ด้วยวัฒนธรรมการกินเจลาโตของชาวยุโรปที่เริ่มเผยแพร่ไปทั่วทั้งโลก ทำให้ในช่วงศตวรรษที่ 19 ไอศกรีมก็ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งตรงกับสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงทำให้อเมริกาเป็นดินแดนที่มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยผลิตไอศกรีมที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น ไวขึ้น แต่ยังมีรสชาติที่อร่อยเหมือนเดิม ทำให้ผู้คนทั่วไปเริ่มเข้าถึงขนมหวานยอดฮิตนี้มากขึ้น แล้วอะไรคือความต่างของเจลาโตและไอศกรีมกันนะ? ถ้าอยากรู้มาดูกันเลย

1. ส่วนผสม

ข้อแตกต่างแรกระหว่างเจลาโตและไอศกรีมคือ “ส่วนผสม” โดยส่วนผสมหลักของทั้งเจลาโตและไอศกรีม คือ ครีมและนม แต่จะมีปริมาณที่แตกต่างกัน อย่างถ้าในไอศกรีมจะมีครีมมากกว่านม ส่วนในเจลาโตนั้นจะมีนมในสัดส่วนที่มากกว่าครีม นั่นทำให้ปริมาณไขมันของเมนูทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ เพราะตามหลักแล้วในไอศกรีมจะมีไขมันอยู่อย่างน้อย 10% ในขณะที่เจลาโตจะมีไขมันอยู่เพียง 5 - 7% เท่านั้น นอกจากนี้ไอศกรีมนั้นสามารถใช้ไข่แดงเป็นส่วนผสมได้ แต่เจลาโตในแบบฉบับดั้งเดิมจะหลีกเลี่ยงการใช้ไข่แดง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รสชาติและรสสัมผัสของทั้งคู่มีความแตกต่างกันนั่นเอง

2. กระบวนการผลิต

นอกจากส่วนผสมแล้ว กระบวนการผลิตก็มีความแตกต่างกันด้วย เพราะในการปั่นส่วนผสมนั้น กระบวนการผลิตไอศกรีมจะต้องใช้ความเร็วในการปั่นที่สูงกว่าเจลาโต จึงทำให้มีปริมาณอากาศแทรกที่น้อยกว่า จึงทำให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าเจลาโต เนื้อไอติมจึงไม่หนืดเหมือนเจลาโตนั่นเอง

3. อุณหภูมิ

โดยปกติแล้วการรับประทานเจลาโตให้อร่อยที่สุดจะต้องเสิร์ฟในอุณหภูมิราว -9 องศาเซลเซียส แต่หากเป็นไอศกรีมจะต้องรีบเสิร์ฟรีบกินที่อุณหภูมิ -12 องศาเซลเซียส ไม่อย่างนั้นไอศกรีมจะเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าด้วยกระบวนการผลิตที่แตกต่างกันทำให้การคงตัวของเนื้อไอศกรีมและเจลาโตแตกต่างกันตามไปด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเจลาโตที่สามารถคงตัวเป็นก้อนได้ดี และไม่ต้องกินอย่างรีบร้อน สามารถกินอย่างพิถีพิถันได้ดีกว่าไอศกรีมนั่นเอง

4. ศิลปะการเสิร์ฟ

ใครที่มีประสบการณ์เข้าร้านไอศกรีมหรือเจลาโตบ่อยๆ คงเห็นภาพที่พนักงานใช้ช้อนตักไอศกรีมเป็นก้อนกลมลงในถ้วยหรือในโคนกันเป็นประจำ แต่หากเป็นร้านเจลาโตจะพบว่าพนักงานจะต้องใช้ช้อนตักที่เรียกว่า Spatula ตักปาดลงไปในถ้วยไอศกรีมหรือใส่ในโคนให้พูนขึ้นมาอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงการให้คุณค่าแบบพิถีพิถันในการรับรสชาติผ่านสายตาได้อย่างลงตัว 

 

แนะนำถ้วยไอศกรีม จาก Oceantableware

สำหรับใครที่เป็นเจ้าของร้านไอศกรีมหรือเป็นคุณพ่อบ้านแม่บ้านที่กำลังมองหาถ้วยแก้วสวยๆ มีขนาดและดีไซน์ที่เหมาะสำหรับการเสิร์ฟไอศกรีมหรือเจลาโตอยู่ เราขอแนะนำ

ถ้วยไอศกรีม Delight Sundae Cup 5 ¼ OZ. เป็นถ้วยไอศกรีมที่มีดีไซน์การออกแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน จับกระชับมือ ที่สำคัญคือมีปากแก้วกว้างเหมาะกับการตักไอศกรีมเป็นก้อนกลมลงในถ้วยหรือจะใช้ช้อนปาดเนื้อเจลาโตเนียนหนึบให้พูนขึ้นสวยงามเพิ่มความน่ารับประทาน และมีผนังหน้าโค้งทนทานต่อการใช้งาน ง่ายต่อการล้างทำความสะอาด

สั่งซื้อได้ที่นี่ https://www.oceantableware.com/delight-sundae-cup-5-1-4-oz.html

ถ้วยไอศกรีม Delight Banana Split Dish เป็นถ้วยแก้วไอศกรีมที่มีดีไซน์เหมาะสำหรับการใส่ไอศกรีม Banana Split ด้วยรูปทรงแนวนอนรองรับสกูปไอติมได้หลายลูก แถมยังง่ายต่อการตกแต่งท้อปปิ้ง ใช้วัสดุแก้วคุณภาพดี ผนังหนาโค้ง ทนทานต่อการใช้งาน ง่ายต่อการล้างทำความสะอาด ความจุของถ้วยอยู่ที่ 150 มล.

สั่งซื้อได้ที่นี่ https://www.oceantableware.com/delight-banana-split-dish.html

ถ้วยไอศกรีม Alaska Ice Cream Cup 7 ¼ OZ เป็นถ้วยไอศกรีมที่อยู่ในคอลเลกชัน Alaska ที่ใช้วัสดุพรีเมียมและมีคุณภาพ ด้วยปากแก้วที่กว้างและมีขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับการเสิร์ฟไอศกรีมหรือเจลาโตแบบถ้วยเล็กๆ ทานคนเดียว เป็นถ้วยแก้วสำหรับการเสิร์ฟไอศกรีมและเจลาโตทรงคลาสสิกที่ดูเรียบง่าย ไม่ว่าจะนำไปใช้ในร้านไอศกรีมหรือใช้ในงานปาร์ตี้ภายในบ้านก็ดูเหมาะสมเป็นอย่างดี

สั่งซื้อได้ที่นี่ https://www.oceantableware.com/alaska-ice-cream-cup-7-1-4-oz.html

หมดไปแล้วสำหรับที่มาที่ไปของไอศกรีมและเจลาโต ใครที่เป็นไอติมเลิฟเวอร์ที่เพิ่งรู้จักความแตกต่าง ก็สามารถลองหาสูตรวิธีทำของทั้งไอศกรีมและเจลาโตมาลองทำกินเองได้เลย แต่อย่าลืมเลือกใช้ถ้วยแก้วที่มีคุณภาพ และมีดีไซน์ที่เหมาะสมด้วย เพราะอย่าลืมว่าไม่ว่าจะไอศกรีมหรือเจลาโตนอกเหนือจากรสชาติหวานๆ เย็นๆ แล้ว การเสิร์ฟอย่างพิถีพิถันก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ สำหรับใครที่กำลังมองหาถ้วยแก้ว หรือถ้วยไอศกรีมที่มีคุณภาพและตอบโจทย์กับการใช้งานกับผู้บริโภคสมัยใหม่ สามารถเข้ามาปรึกษาและเลือกซื้อสินค้ากับเราได้เลยที่นี่

Oceantableware คือผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องแก้วในภูมิภาคเอเชีย ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องแก้วที่มีคุณภาพระดับเวิลด์คลาส เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และจัดเลี้ยง รวมถึงบริษัทและองค์กรต่างๆ จากความชำนาญด้านการผลิตและการออกแบบที่เป็นเลิศกว่า 38 ปี เรามุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์การกินดื่มสู่ความทันสมัยอย่างมีสไตล์ ตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาของความสุข ช่วยสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ โอเชียนกลาสจึงเป็นผู้ผลิตเครื่องแก้วชั้นนำของเอเชียและส่งออกไปมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก

สอบถามเกี่ยวกับถ้วยแก้ว จานเซรามิก รวมไปถึงแก้วเครื่องดื่มทุกรูปแบบให้กับบ้าน ธุรกิจ และองค์กรของคุณได้ที่ www.oceantableware.com