แก้วก้าน

67 รายการ

รายการ 19-24 จาก 67

ต่อหน้า
หน้า
  • ตำแหน่ง
  • ชื่อ
  • ราคา
  • วันที่
  • แบรนด์
ตั้งค่าตามลำดับมากไปน้อย
  1. แก้วค็อกเทล Cocktail glass RIMS SAUCER 205 ml จากโอเชียนกลาส Ocean glass แก้วค็อกเทลราคาดี
    แก้วค็อกเทล RIMS SAUCER 205 ml
    ฿1,220
  2. แก้วค็อกเทล Cocktail glass RIMS TULIP 575 ml จากโอเชียนกลาส Ocean glass แก้วค็อกเทลราคาดี
    แก้วค็อกเทล RIMS TULIP 575 ml
  3. แก้วค็อกเทล Cocktail glass SHANGHAI SOUL MARTINI 230 ml จากลูคาริส Lucaris แก้วไวน์คริสตัล Crystal
    แก้วค็อกเทล SHANGHAI SOUL MARTINI 230 ml
    ฿3,970
  4. แก้วน้ำ Water glass MADISON WATER GOBLET 425 ml จากโอเชียนกลาส Ocean glass แก้วดีไซน์สวย
    แก้วน้ำ MADISON WATER GOBLET 425 ml
    ฿1,044
  5. แก้วน้ำ Water glass SANTE WATER GOBLET 405 ml จากโอเชียนกลาส Ocean glass แก้วน้ำดีไซน์สวย
    แก้วน้ำ SANTE WATER GOBLET 405 ml
    ฿1,044
  6. แก้วแกรปป้า Grappa glass SHANGHAI SOUL GRAPPA 100 ml จากลูคาริส Lucaris แก้วแชมเปญคริสตัล Crystal
    แก้วแกรปป้า SHANGHAI SOUL GRAPPA 100 ml
    ฿12,720
67 รายการ

รายการ 19-24 จาก 67

ต่อหน้า
หน้า
  • ตำแหน่ง
  • ชื่อ
  • ราคา
  • วันที่
  • แบรนด์
ตั้งค่าตามลำดับมากไปน้อย

การเลือกใช้แก้วไวน์ให้เหมาะสม

แก้วไวน์ เป็นปัจจัยสำคัญที่จำเป็นและส่งผลกับการดื่มไวน์อย่างที่สุด หลายคนจึงได้คิดค้นทฤษฎีเกี่ยวกับวิธีดื่มไวน์ขึ้นมามากมาย ทั้งยังเสาะหาเครื่องแก้วหรือแก้วไวน์ดีๆ ที่เหมาะกับการดื่มไวน์มาใช้ เพื่อให้สามารถดึงรสชาติแท้จริงของไวน์ออกมาได้มากที่สุด เพราะไวน์แต่ละชนิดผลิตด้วยองุ่นหลากหลายสายพันธุ์แตกต่างกันไป ทำให้มีรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบอดี้, อโรม่า, รสสัมผัส หรือปฏิกิริยาออกซิเดชัน

องค์ประกอบของแก้วไวน์

 

แก้วไวน์ที่ดีนั้นจะต้องใสเพื่อให้เห็นสีของไวน์ได้อย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้การดื่มไวน์มีรสชาติที่ดีขึ้นนั่นเอง โดยแก้วไวน์นั้นมีรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ซึ่งแก้วไวน์แต่ละประเภทนั้นก็จะเอาไว้ใช้ในการรินไวน์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นมารู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกใช้แก้วไวน์หรือแก้วไวน์สวยๆ ที่เหมาะสมกับไวน์แต่ละชนิดกัน ก่อนอื่นต้องคำนึงถึงส่วนประกอบของแก้วไวน์ ดังนี้

- ขอบแก้ว ควรเป็นขอบที่บางเพื่อที่จะให้การดื่มไวน์นั้นไหลลื่นและที่สำคัญช่วยให้เกิดการสัมผัสที่อ่อนนุ่มเวลาที่ปากไปแตะกับขอบแก้ว

- ตัวแก้ว สำหรับส่วนนี้ถือเป็นตัวแบ่งประเภทของแก้วไวน์ โดยรูปร่างของแก้วไวน์แต่ละแบบ จะสร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับไวน์แต่ละประเภทนั่นเอง โดยจุดสำคัญคือตัวแก้วต้องใส สามารถเห็นสีของไวน์ชัดเจน

- ก้านแก้ว เสาของแก้วที่เป็นช่วงให้ได้จับแก้ว เพื่อไม่ให้ความร้อนจากมือไปกระทบกับรสชาติของไวน์

- ฐานแก้ว เป็นฐานด้านล่างของแก้วที่เอาไว้วางกับพื้นผิวต่างๆ อาทิ โต๊ะ เคาน์เตอร์บาร์ โต๊ะ

 

แก้วไวน์แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร?


1. แก้วไวน์แดง (Red Wine Glass)

สำหรับแก้วไวน์แดง จะเป็นแก้วก้านที่มีลักษณะอ้วนและปากกว้าง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้อากาศเข้าไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับไวน์ในแก้ว ซึ่งจะส่งผลให้รสชาติและกลิ่นของไวน์แดงนุ่มละมุนขึ้นอย่างชัดเจน เพราะไวน์แดงโดยปกติจะมีรสชาติที่เข้มข้นและซับซ้อน

2. แก้วไวน์ขาว (White Wine Glass)

รูปทรงของแก้วไวน์ขาวจะสูงเพรียว ปากแก้วไม่กว้าง เพราะไม่ต้องการให้มีปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติของไวน์ขาว และด้วยเหตุผลนี้เองที่จะทำให้อโรม่าออกมาตามแก้วไวน์ได้ดี และยังทำให้ไวน์รักษาความเย็นไว้ได้อีกด้วย

3. แก้วไวน์โรเซ่ (Rosé Wine Glass)

ไม่ต้องการให้มีปฏิกิริยาออกซิเดชันมากนัก เช่นเดียวกับแก้วไวน์ขาว ดังนั้นลักษณะของตัวแก้วจะไม่เป็นกระเปาะมากนัก ควรมีทรงสูงปากแก้วไม่กว้าง เพื่อรักษาความหอมละมุนของกลิ่นผลไม้และดอกไม้

4. แก้วสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine Glass)

หรือแก้วแชมเปญ (Champagne Flutes) ให้เลือกแก้วที่มีรูปทรงยาวและปากแก้วแคบ เพราะรูปทรงแบบนี้จะช่วยลดการสัมผัสกับอากาศ พร้อมรักษาความซ่าของสปาร์คกลิ้งไวน์เอาไว้ให้นานที่สุดและก้านแก้วก็ควรจะมีความยาวที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียรสชาติ ด้วยความร้อนจากมือผู้ดื่ม

5. แก้วสำหรับไวน์หวาน (Dessert Wine Glass)

โดยทั่วไปไวน์หวานจะเป็นไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง จึงควรเสิร์ฟในแก้วที่มีขนาดเล็ก โดยแก้วไวน์หวานมีหลายทรง ขึ้นอยู่กับระดับความหวานและปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์ที่ดื่ม ยิ่งระดับแอลกอฮอล์สูงปากแก้วก็ควรยิ่งเล็กตามไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียรสชาติ